โหล่งฮิมคาว มีที่ตั้งอยู่ที่บ้านมอญ ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
คำว่า “โหล่ง” แปลว่า ย่าน ชุมชน หรือที่พื้นที่ว่างกว้าง ส่วนคำว่า “ฮิมคาว” คือ ริมคาว ซึ่ง “คาว” มาจากแม่น้ำคาว ทำให้ความหมายของโหล่งฮิมคาวคือชุมชนริมแม่น้ำคาว
ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานชุมชนโหล่งฮิมคาวและเป็นผู้ก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา เล่าว่า “จุดเริ่มต้นของชุมชนนี้ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 สมัยรัฐบาลชาติชายตอนนั้นพื้นที่แถวนี้เป็นเพียงพื้นที่ป่าและนาเปล่า ๆ สำหรับเลี้ยงควายทั่วพื้นที่เป็นดินลูกรัง และถูกทิ้งให้รกร้าง ทำให้เกิดแนวคิดที่อยากจะสร้างพื้นที่สีเขียวจึงชักชวนเพื่อนคนที่รู้จักและรักในธรรมชาติ ศิลปะและวัฒนธรรม มาร่วมกันสร้างหมู่บ้าน และกลายเป็นชุมชนยอดฮิตของผู้ที่สนใจในงานฝีมือ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมล้านนา”
ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานชุมชนโหล่งฮิมคาว
เป็นสโลแกนที่ชัชวาลย์บอกกับเราว่า เป็นการนำเอาคอนเซปต์ ‘สโลว์ไลฟ์กับกาดต่อนยอน’ มาตีความ ซึ่งได้มาจากลักษณะพิเศษของการใช้ชีวิตในชุมชนที่เป็นที่อยู่อาศัยด้วย โดยอยากจะให้ภายในชุมชนอยู่กันอย่างมีความสงบสุข และอยู่กันแบบพี่น้อง มีอะไรก็เดินมาปรึกษาหารือกัน
อย่างไรก็ตาม โหลงฮิมคาวมีแนวคิดในการสร้างชุมชนนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเชียงใหม่มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวสาธารณะต่อคนเพียง 1.57 ตารางเมตร ซึ่งน้อยกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดว่า ขนาดของพื้นที่สีเขียวเพื่อสุขภาพที่ดีของประชากรควรมีขนาดอย่างน้อย 9 ตารางเมตรต่อคน
“ที่นี่เราอยากจะสร้างพื้นที่สีเขียวจริง ๆ แล้วพื้นที่สีเขียวคือคุณภาพชีวิตมันเกี่ยวข้องกันกับคนเรา ถ้าอยู่รวมกันอย่างกลมกลืนมันคือความสุขนะแค่เห็นสีเขียวเราก็มีความสุขละแล้วยิ่งอยู่ใต้ร่มเงาจริง ๆ อันเนี่ยะมันเป็นคุณภาพชีวิตที่ดีมาก ๆ ” ประธานชุมชนฯ กล่าวเพิ่มเติม
สิ่งที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างของโหล่งฮิมคาว นั่นคือการที่ภายในชุมชนนำเอาขยะมารีไซเคิลเป็นงานศิลปะต่าง ๆ มากมาย อาทิ ร้านขายเสื้อที่ใช้เศษผ้ามาดีไซน์ใหม่โดยใช้เทคนิค “ปะปักตัดต่อ” ทำเสื้อผ้า สร้อย โดยไม่ให้เหลือเศษผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวและมีการร่วมมือกับแคมป์เปญ Greenroad โดยมีการส่งขยะเข้าไปในโรงงานที่อยู่โซนด้านหลังเพื่อแปรรูป จากนั้นนำไปอัดเป็นอิฐบล็อกจากขยะ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะนำบล็อกจากขยะมาทำเป็นสนามเด็กเล่นอีกด้วย
โหล่งฮิมคาว เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-14.00 น. ลองแวะไปเดินเล่นในชุมชนน่ารักที่ผู้คนเป็นมิตร และเดินสบายใต้เงาต้นไม้ใหญ่กันนะ
แหล่งอ้างอิง
บทความนี้เป็นผลงานของนักศึกษากลุ่มวิชาวารสารศาสตร์บูรณาการ คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ย้อนกลับไปในอดีต มนุษย์ยุคแรกไม่ได้แบ่งเครื่องแต่งกายออกตามเพศสภาพ ใช้เพียงหนังสัตว์ ฟาง หรือใบไม้ มาทำเป็นลักษณะคล้ายกระโปรง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกายและป้องกันสัตว์ต่าง ๆ เท่านั้น ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มรู้จักการทอผ้า เสื้อผ้าจึงถูกปรับเปลี่ยนให้มีอารยะมากขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในรูปทรงกระโปรงแบบเดิม เช่นเดียวกับวัฒนธรรมกรีก โรมัน ที่ผู้ชายยังคงใส่กระโปรง โดยจะใส่เป็นผ้าคลุมหลวม ๆ ยาวตลอดตัว ไม่ได้แบ่งข้างเป็นขาซ้ายขาขวา ง่ายต่อการตัดเย็บและสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
หม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะเป็นผลงานการวิจัยของสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. ที่คิดค้นหม้อแปลงที่สามารถคำนวณความต้องการใช้พลังงานของอาคาร และส่งข้อมูลไปยังแหล่งจ่ายไฟฟ้าเพื่อกำหนดปริมาณกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการ
เหลืออีก 2 วันเท่านั้น (28-29 พ.ค. 2568) กับประเพณีบูชาเสาอินทขิล เสาหลักเมืองเชียงใหม่ พิธีกรรมของชาวล้านนา 1 ปี มี 1 ครั้ง