สำหรับผู้ที่เพิ่งซื้อบ้านใหม่หรือแม้กระทั่งผู้ที่อยู่บ้านหลังเดิมมายาวนาน การย้ายบ้านอาจเป็นเรื่องยาก ทั้งด้านทุนทรัพย์และความผูกพันทางใจในบ้านหลังเก่า ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่บ้านหลังเดิมต่อไปแม้เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำ
การมองหาโซลูชั่นป้องกันน้ำท่วมจึงเป็นทางออกสำหรับผู้ไม่คิดย้ายบ้าน และหนึ่งในนั้นคือ “การยกบ้านให้สูง” หรือ "การดีดบ้าน" ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ และเราอยากนำเสนอเผื่อเป็นไอเดียสำหรับผู้สนใจและมีงบประมาณที่จ่ายไหว
สำนักข่าวอ่างแก้วได้มีโอกาสสัมภาษณ์ เรือโท ดร.ชนะ สินทรัพย์วโรดม อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาโยธา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงเรื่องการยกบ้านให้สูงเพื่อหนีน้ำท่วมในเมืองไทยนั้น สามารถทำได้ไหมและมีเงื่อนไขใดบ้างที่ควรพิจารณา
โดย อ.ชนะ เล่าถึงที่มาของบ้านในอดีตไว้ว่า ทำไมคนสมัยก่อนนิยมสร้างบ้านใต้ถุนสูง “เหตุผลหลักมาจากลักษณะทางภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน เช่น ในพื้นที่เวียงกุมกาม ซึ่งเคยมีลำน้ำสายสำคัญไหลผ่านกลางเมือง และเป็นพื้นที่ที่มีประวัติน้ำท่วมอยู่เนืองๆ ทำให้บ้านในพื้นที่เหล่านี้จึงถูกออกแบบให้มีใต้ถุนยกสูงหรือโดยเฉลี่ยประมาณ 2-3 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วม” อ.ชนะ อธิบายถึงลักษณะบ้านในอดีต ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับลักษณะทางธรณีวิทยาในแต่ละภูมิภาค ก่อนจะกล่าวเพิ่มเติมว่า
เรือโท ดร.ชนะ สินทรัพย์วโรดม อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
“นอกเหนือจากประโยชน์ในการรับมือกับน้ำท่วมแล้ว ชั้นใต้ถุนบ้านยังสามารถทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ เช่น ใช้เก็บของ เป็นที่นั่งพักผ่อน รับแขก หรือเป็นที่จอดรถ ซึ่งพอเวลาผ่านไป ไม่มีน้ำท่วมเกิดขึ้นนาน ๆ คนก็เริ่มปรับพื้นที่ใต้ถุนให้เป็นห้องอยู่อาศัย ซึ่งจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับรูปแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นในปัจจุบัน”
อ.ชนะ เล่าต่อว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป บ้านสมัยใหม่เข้ามาแทนที่บ้านใต้ถุนสูง โดยเน้นรูปแบบที่มีความเป็นตะวันตกมากขึ้น เช่น การวางตัวบ้านชั้นล่างบนพื้นดินโดยตรง โครงสร้างบ้านส่วนใหญ่นิยมใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแรงและถาวรกว่า การดัดแปลงหรือปรับปรุงจึงทำได้ยากกว่าบ้านไม้
“บ้านคอนกรีตมักจะมีน้ำหนักมากกว่าบ้านไม้ ทำให้การยกบ้านทำได้ยากกว่าและมีค่าใช้จ่ายสูง” นอกจากนี้ ความยากของการยกบ้านนั้น อ.ชนะอธิบายว่า จะต้องยกฐานขึ้นพร้อม ๆ กันทุกด้าน ไม่สามารถยกฐานใดฐานหนึ่งได้ เพราะจะทำให้เกิดแรงดันในโครงสร้าง ทำให้โครงสร้างแตกร้าวและเสียหาย
อย่างไรก็ตาม การยกบ้านให้สูงเพื่อหนีน้ำท่วมนั้น จึงนิยมใช้กับโบราณสถาน ซึ่งการเคลื่อนย้ายไปตั้งที่อื่นเป็นเรื่องยาก เช่น วัด โรงเรียน ฯลฯ ในขณะที่การย้ายบ้านพักอาศัยนั้น อาจทำได้ง่ายกว่า
“สำหรับคนที่ตัดสินใจจะยกบ้านให้สูง สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ ระดับน้ำในอดีตหรือพื้นที่นั้นเคยมีน้ำท่วมสูงสุดเท่าไหร่เพื่อกำหนดระดับความสูงที่ควรยกบ้านขึ้น โดยทั่วไป ควรเผื่อระดับความสูงอย่างน้อย 30-60 เซนติเมตรจากระดับน้ำท่วมสูงสุดเดิม เพื่อความปลอดภัยในอนาคต
“สอง ต้องประเมินงบประมาณว่าจะคุ้มค่ากว่าการขายบ้านและย้ายที่อยู่ใหม่หรือไม่ เพราะการยกบ้านไม่เหมือนการสร้างใหม่ ต้องใช้ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ต้องทำการยกตัวบ้านพร้อมกันทุกด้านเพื่อไม่ให้โครงสร้างเสียหาย สุดท้ายคือ การยกบ้านคอนกรีตต้องพิจารณาจากน้ำหนักของตัวบ้าน รวมไปถึงฐานรากเดิม และการเสริมฐานรากใหม่ เช่น การเสริมด้วยตอม่อหรือเปลี่ยนเสา”
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการยกบ้านในปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ 200,000 ไปจนถึง 1,000,000 บาทหรือมากกว่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการยกบ้าน อาจสูงถึงครึ่งหนึ่งของการปลูกบ้านใหม่เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ในแง่ของโครงสร้าง สิ่งปลูกสร้างทุกหลังจะมีฐานราก และการยกบ้านั้นนเกี่ยวข้องกับ "ฐานราก" โดยตรง อ.ชนะ อธิบายให้ฟังว่า “ฐานรากแบ่งออกเป็นสองแบบ ฐานรากตื้น มักใช้กับโครงสร้างบนพื้นที่ที่มีดินแข็ง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปกติจะมีการขุดดินลึกเพียง 1-2 เมตรแล้วเทฐานรากเลย ซึ่งฐานรากตื้นมักจะเหมาะกับบ้านที่มีน้ำหนักเบาหรือจำนวนชั้นไม่มาก ส่วน ฐานรากลึก มักใช้กับพื้นที่ที่มีดินอ่อน เช่น ในกรุงเทพฯ และสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาล ซึ่งต้องตอกเสาเข็มลงไปให้ลึกเพื่อให้รับน้ำหนักได้มากขึ้นและไม่ทรุดตัวง่าย” อ.ชนะ อธิบาย
“หากเป็นบ้านที่จะมีฐานรากตื้น การยกบ้านหรือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอาจทำได้ง่ายและประหยัดกว่าบ้านที่อยู่บนฐานรากลึก” แล้วบ้านยกสูง มีความเสี่ยงอะไรบ้างไหม ? อาจารย์ตอบว่า “บ้านที่ยกสูงมาก ๆ นั้น ก็อาจจะเสี่ยงกับเรื่องแผ่นดินไหว ส่วนการถมดินชั้น 1 ในบ้านที่บางคนเลือกใช้ ไม่ค่อยแนะนำเพราะตามปกติแล้วแรงดันดินจะมากกว่าแรงดันน้ำประมาณ 2 – 2.5 เท่า อธิบายง่าย ๆ เหมือนกับเราไปสร้างบ้านอยู่ในน้ำ แล้วมีแรงดันจากภายนอกดันเข้ามา อาจทำให้กระจกแตก กำแพงร้าว อาจจะทำให้ทรุดตัวได้ง่าย เพราะฉะนั้น หากจะถมดิน แนะนำให้ถมที่ก่อนจะก่อสร้างมากกว่า” อ.ชนะ แนะ
อย่างไรก็ตาม การยกบ้านเป็นเรื่องของความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องมีวิศวกรผู้ดูแล และต้องมีความเชี่ยวชาญตามระดับการดีดบ้านหรือปรับปรุงโครงสร้างอาคารเพราะเป็นงานเฉพาะทางที่ต้องมีวิศวกรควบคุมงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะวิศวกรระดับ “สามัญ” หรือ “วุฒิวิศวกร” ที่มีประสบการณ์และมีสิทธิเซ็นรับรองในงานซ่อมและปรับปรุงอาคารขนาดใหญ่ได้
เรื่อง : สำนักข่าวอ่างแก้ว
ภาพประกอบ : Envato
เมื่อตลาดแรงงานไม่ให้โอกาสเด็กจบใหม่ เพียงเพราะต้องการคนที่มีประสบการณ์ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ ?
นอกจากรอยเลื่อนสะกายในเมียนมา ซึ่งนับเป็นรอยเลื่อนที่มีความเสี่ยงสูงและศักยภาพรุนแรงหากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ยังมีอีก 6 รอยเลื่อนแห่งประวัติศาสตร์ ที่ถูกบันทึกว่าเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ของโลก
คนไทยเป็นชาติที่ดื่มกาแฟดุหรือเฉลี่ยคนละ 1.5 แก้วต่อวัน ธุรกิจร้านกาแฟจึงผุดขึ้นทั่วเมืองโดยเฉพาะในเชียงใหม่ ที่เป็นแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อของประเทศ