ทุกวันนี้ Sex Worker หรืออาชีพผู้ให้บริการทางเพศ ยังคงอยู่ในพื้นที่สีเทาทางกฎหมายและสังคม แม้จะเป็นอาชีพที่มีอยู่จริงในสังคมมาอย่างยาวนาน แต่กฎหมายที่มีอยู่กลับผลักให้ผู้ทำงานในอาชีพนี้กลายเป็น “อาชญากร” ไปโดยอัตโนมัติ
Empower Foundation เป็นเครือข่ายของผู้ให้บริการทางเพศหรือพนักงานบริการที่ได้รวมตัวกันมากว่า 39 ปี เพื่อผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายเก่าที่ล้าหลังอย่าง “พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี 2539” เนื่องจากกำหนดให้ผู้ค้าประเวณีหรือผู้ให้บริการทางเพศโดยสมัครใจมีความผิดทางอาญา ทำให้ผู้นั้นตกเป็นเหยื่อจากผู้แสวงหาประโยชน์ ถูกล่วงละเมิด ถูกเอาเปรียบ ถูกเลือกปฏิบัติจากเงื่อนไขทำงาน และเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายใหม่ที่มุ่งเน้นการ “คุ้มครอง” แทนการ “ปราบปราม” เช่น “ร่าง พรบ.คุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ พ.ศ......” ซึ่งมีการขับเคลื่อนมาตั้งแต่ปี 2565 โดยเป็นร่างกฎหมายที่มีตัวแทนของกลุ่มพนักงานบริการเข้าไปมีส่วนร่วม เป็นร่างที่มุ่งคุ้มครองให้พนักงานบริการเข้าถึงสิทธิในฐานะแรงงานไม่ต้องจดทะเบียนใดๆ เป็นเพียงลูกจ้างเข้าระบบประกันสังคม มีการจดทะเบียนควบคุมสถานบริการและดูแลผู้ใช้บริการ
โอ๋-ชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์ หนึ่งในกลุ่ม Empower Foundation ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวอ่างแก้วว่า “Empower มีการขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างเข้มข้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลเริ่มมีการศึกษาร่างกฎหมายใหม่ อย่างไรก็ตาม ร่างของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเป็นฉบับที่ภาครัฐริเริ่ม กลับไม่มีตัวแทนจากกลุ่ม Sex Worker เข้าไปมีส่วนร่วมในการร่าง Empower จึงเข้าไปผลักดันอย่างเต็มที่ และในเวลาต่อมาได้ยกร่างกฎหมายของตนเองขึ้น เพื่อเสนออีกทางเลือกหนึ่งให้แก่รัฐสภา”
สำหรับร่างกฎหมายที่ Empower ผลักดันนี้ มีเป้าหมายที่ต้องการ ยกเลิก พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี และการเปิดรับกฎหมายฉบับใหม่ที่มุ่งเน้นการคุ้มครองสิทธิของผู้ให้บริการทางเพศในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนสถานบริการอย่างถูกต้อง การคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างในสถานบริการตามมาตรา 33 การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้ให้บริการกับลูกค้า เช่น กรณีบริการไม่ตรงปก การกำหนดอายุขั้นต่ำผู้ให้บริการคือ 18 ปี โดยโอ๋ให้เหตุผลไว้ว่า “อายุ 18 ถือเป็นเกณฑ์ที่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ จึงควรถือว่าเป็นวัยที่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจด้วยตัวเอง”
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวนี้ถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและเปราะบางทางสังคม โดยเฉพาะสิ่งที่หลายคนกังวล นั่นคือ หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านแล้ว จะทำให้เกิดเป็นปัญหาสังคมขึ้นหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นข้อกังวลว่าจะเป็นการ “เปิดทาง” ให้คนเข้าสู่อาชีพ Sex Worker มากขึ้นหรือไม่ ผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน แม้ว่าในร่างจะกำหนดอายุขั้นต่ำไว้อย่างชัดเจน รวมไปถึงความไม่เข้าใจในลักษณะของอาชีพ Sex Worker ที่หลากหลาย เช่น การทำงานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือการเป็น Content Creator
ต่อประเด็นนี้ โอ๋อธิบายให้ฟังว่า “จริง ๆ แล้ว จุดประสงค์ของ “ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ พ.ศ......” ไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้คนเข้าสู่อาชีพนี้ แต่เราขับเคลื่อนเรื่องนี้เพื่อต้องการให้กฎหมายรับรองสิทธิ ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีของผู้ที่เลือกแล้วที่จะประกอบอาชีพนี้”
ทั้งนี้ หาก “ร่าง พรบ.คุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ พ.ศ......” ผ่าน สิ่งที่จะเปลี่ยนไปสำหรับผู้ประกอบอาชีพ Sex Worker ในสังคมไทยคืออะไร ? โอ๋ สรุปให้เราฟังว่า “อย่างแรกคือ ยุติการตีตรา Sex Worker ว่าเป็น “อาชญากร” อีกทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบอาชีพนี้เข้าสู่ระบบประกันสังคม สวัสดิการ และคุ้มครองทางกฎหมาย ลดการคอร์รัปชัน การรีดไถ และการละเมิดสิทธิจากเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน ลดความเสี่ยงจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ตลอดจนทำให้รัฐสามารถควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแลสถานบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม โอ๋เปรียบเทียบให้เราฟังถึงการเปิดรับอาชีพ Sex Worker ในระดับสากลให้เราฟังว่า ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองต่ออาชีพ Sex Worker “ยกตัวอย่างเช่น นิวซีแลนด์ ที่ยกเลิกความผิดทางอาญาแล้ว หรือรัฐ New South Wales ในออสเตรเลีย ที่มีการออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานทางเพศอย่างเป็นระบบ รวมถึงแรงงานข้ามชาติที่สามารถขอวีซ่าและทำงานได้อย่างถูกต้อง” เธอทิ้งท้ายด้วยความหวัง และย้ำกับเราอย่างหนักแน่นว่าจะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไป
ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ เป็นก้าวสำคัญในการทบทวนมุมมองของสังคมไทยต่ออาชีพที่มีอยู่จริง แต่ถูกซุกไว้ใต้พรมมานาน การพิจารณากฎหมายนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง “ศีลธรรม” หากแต่คือเรื่องของ “สิทธิ” และ “ความเป็นมนุษย์” ของกลุ่มคนที่มักถูกละเลย หากรัฐและสังคมไทยสามารถเปิดใจรับฟังและเห็นถึงความเป็นจริง เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนผ่านจากการตีตรา ไปสู่การให้เกียรติในฐานะ “แรงงาน” ที่พึงได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกับคนทำงานอาชีพอื่น ๆ ก็เป็นได้
เรื่อง : วีณา บารมี
ภาพประกอบ : Empower Foundation
เกิดเป็นหญิงแท้จริงนั้นแสนลำบาก คำกล่าวนี้ไม่เคยเกินจริง เมื่อเพศหญิงเกิดมาพร้อมกับการมีประจำเดือนในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งอาการข้างเคียงในวันที่มามาก มีตั้งแต่ปวดท้องเพียงเล็กน้อยไปจนถึงปวดมากจนลุกไปทำงานแทบไม่ไหว บางรายเป็นไข้ อาเจียน และท้องเสีย จนต้องขอลางานโดยใช้โควตาของลาป่วย ปัจจุบันจึงมีการเดินหน้าของ "กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม" เรียกร้องให้ผู้หญิงสามารถลาในวันนั้นของเดือนได้โดยที่ยังคงได้ค่าจ้างตามปกติ
บันทึกแห่งตำนาน เรื่องราวเล่าขานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังอายุครบ 6 ทศวรรษ
นอกจากรอยเลื่อนสะกายในเมียนมา ซึ่งนับเป็นรอยเลื่อนที่มีความเสี่ยงสูงและศักยภาพรุนแรงหากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ยังมีอีก 6 รอยเลื่อนแห่งประวัติศาสตร์ ที่ถูกบันทึกว่าเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ของโลก