• logo
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • บทความ
      News
      Art & Design
      Business
      Wellness
      Culture
      Insights
      Research
      Go Green
      Leisure
  • วิดีโอ
      Education
  • Podcast
      Wealth
      Environment
      Psychology
      Tecnology
logo
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • บทความ
    • News
    • Art & Design
    • Business
    • Wellness
    • Culture
    • Insights
    • Research
    • Go Green
    • Leisure
  • วิดีโอ
    • Education
  • Podcast
    • Wealth
    • Environment
    • Psychology
    • Tecnology
EVOLUTION: ผ้าฝ้ายเชิงดอย สู่ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและสังคม
Go Green
25
วันเผยแพร่: Oct 10,2025
อัปเดตล่าสุด: Oct 17,2025
EVOLUTION: ผ้าฝ้ายเชิงดอย สู่ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและสังคม

ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว ผ่านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมเสื้อผ้าที่เราสวมใส่กันอยู่ทุกวัน หากแต่ยังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ อย่างกลุ่มวิสาหกิจผ้าฝ้ายของชุมชนบ้านเชิงดอย ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดสายใยเชื่อมโยงระหว่างชาวบ้านและธรรมชาติเข้าด้วยกัน 

 

นางสาวทัญกานร์ ยานะโส ผู้ริเริ่มและประธานโครงการวิสาหกิจผ้าฝ้ายเชิงดอย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาเหล่านี้ จึงได้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชนจนได้รับรางวัล Green Product มาอย่างต่อเนื่อง 

 

“การประกอบอาชีพทุก ๆ อย่าง หรือการดำเนินชีวิตของเราก็ตาม มีส่วนทำให้โลกร้อนอยู่แล้ว เพราะงั้นเราเชื่อมั่นว่า การทำแฟชั่นของเรามีกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราทำแบบทะนุถนอมให้อยู่ควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน”

 

กว่าจะเป็นผ้าฝ้ายหนึ่งผืน 

ผ้าฝ้ายเชิงดอยมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามหลัก 4R ประกอบไปด้วย Reduce, Reuse, Recycle และ Repair ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่ปล่อยมลพิษน้อยที่สุด เริ่มตั้งแต่วัสดุที่นำมาใช้อย่างฝ้าย เป็นฝ้ายพื้นเมืองที่ชาวบ้านปลูกเอง และรับซื้อจากที่อื่นมาบางส่วน 

 

เอกลักษณ์ของผ้าฝ้ายเชิงดอยคือ กระบวนการย้อมสีธรรมชาติแบบเย็นจากหินโมคคัลลาน ที่ทำให้ผ้าแต่ละผืนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง และค่าใช้จ่าย นอกจากนี้สีที่ได้ยังเป็นสีชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ด้าน คือ ทนต่อการออกแดด ทนต่อการซัก อยู่ได้นานไม่เปลี่ยนสี มีคุณสมบัติเทียบเท่าสีเคมี โดยมีหัวใจหลักของการย้อมผ้าให้สีติดทนได้ดีคือ ‘หยวกกล้วย’ ซึ่งวิธีนี้ถูกริเริ่มมาจากคุณตาอินตา นันต๊ะเล ชาวบ้านในชุมชน 

 

“เราก็เอาต้นกล้วย เอามาหั่น ๆ แล้วก็มาตำ ๆ เอาน้ำสดมาบีบใช้สองลิตร ทำให้เนื้อฝ้ายติด มีหลุดแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือจะอยู่ตามสภาพของมันเลย ทุกวันนี้เราใช้ยางกล้วยเป็นตัวนำของกลุ่มเราเลย แล้วมันก็ประสบความสำเร็จ”

 

หลังจากย้อมสีก็เข้าสู่กระบวนการทอผ้า หมู่บ้านเชิงดอยใช้ช่างฝีมือจากชาวบ้านกันเอง ซึ่งมีทักษะการทอผ้าที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ประธานโครงการวิสาหกิจผ้าฝ้ายเชิงดอยได้กล่าวว่า ทางหมู่บ้านใช้กรรมวิธีทอมือ เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาลายผ้าล้านนาดั้งเดิมไว้ มักเป็นลวดลายที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา และวิถีชีวิตของชาวบ้าน 

 

“เราเริ่มศึกษาการทำผ้าจกล้านนา เมื่อก่อนในชุมชนจะมีการทออยู่ 2 แบบ คือทอลายพื้นฐานธรรมดา ก็คือเป็นผ้าพื้น สีพื้น ๆ แล้วก็อีกลายหนึ่งจะเป็นลายยกดอก ก็จะเป็นลวดลายที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของเรามากกว่า แล้วก็เป็นลวดลายที่มาจากการนับถือพระพุทธศาสนาค่ะ”

ภาพผ้าฝ้ายลายยกดอก โดย นัทธมน กุลชานันท์

ภาพประกอบจากเพจ : ผ้าฝ้ายเชิงดอย

 

นอกจากการนำผ้าฝ้ายมาทอ และพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าพันคอ ฯลฯ ยังมีการนำเศษผ้าที่เหลือมาประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้ในทุกกระบวนการผลิตผ้าฝ้ายแทบจะไม่มีขยะเหลือใช้เลย 

“ตั้งแต่การตัดผ้า พอมีเศษผ้าเราก็นำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์อย่างอื่นจนเหลือทิ้งน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเศษผ้าชิ้นใหญ่ เศษผ้าชิ้นเล็ก หรือเศษผ้าที่ใช้ทำอะไรไม่ได้แล้ว เราก็นำเอาไปให้เขาทำเป็นกระสอบมวย” 

 

ผ้าฝ้ายทอมือยกระดับชุมชน

ประธานโครงการมีแนวคิดยกระดับผลิตภัณฑ์นำออกสู่สายตาของชาวโลกมากยิ่งขึ้น ผ่านการออกบูธ และมักจะใช้ช่างฝีมือชาวบ้านในทุกขั้นตอนการผลิต เกิดเป็นรายได้หมุนเวียนภายในชุมชน ไม่เพียงเท่านั้นองค์กรยังมีการสนับสนุน และให้สวัสดิการดูแลชาวบ้าน เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนที่เข้มแข็งในที่สุด

 

“เราต้องการที่จะส่งเสริมให้มีการปลูกฝ้ายมากขึ้น ซึ่งเราส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกและรับซื้อ แล้วก็เอาดอกฝ้ายมาทำเส้นฝ้ายให้มีจำนวนเยอะพอที่จะไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม เงินมันก็จะไหลเวียนในชุมชนมากขึ้น แล้วชาวบ้านก็จะมีรายได้มากขึ้น” 

 

นอกเหนือจากนี้คุณตาอินตาวัย 71 ปี ปราชญ์ชาวบ้านได้เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตก่อนที่จะได้มาทำธุรกิจผ้าฝ้ายว่าเมื่อก่อนคุณตาเคยทำงานอยู่ในเหมืองแร่ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น อาชีพเดิมที่เคยทำก็ไม่สามารถกลับไปทำได้ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ แต่ก็เพราะการรวมตัวของกลุ่มผ้าฝ้ายเชิงดอย จึงทำให้คุณลุงสามารถกลับมาประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และเลี้ยงตัวเองได้อย่างเคย 

 

“คนบ้านเฮาพื้นเพเราก็เล่นกับฝ้ายมานานละ พ่อแม่เขาก็อยู่กับฝ้าย ทอฝ้าย ปั่นฝ้าย คนที่แข็งแรงก็ไปทำงาน ที่แก่เฒ่าก็มาประกอบอาชีพกับกลุ่มเรา พอเลี้ยงตัวได้ ไม่ถึงขึ้นรวยมาก แต่ว่าพออยู่ได้ พอกิน“

 

ก้าวต่อไปของผ้าฝ้ายเชิงดอย

ปัจจุบันอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอเป็นต้นเหตุหลักของการทำลายสิ่งแวดล้อม จากการประชุม COP26 Fast Fashion ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเหลือทิ้งที่นำไปรีไซเคิลได้ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด 10 ล้านตัน และโรงงานอุตสาหกรรมเสื้อผ้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 8-10 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ซึ่งมีปริมาณมากกว่าอุตสาหกรรมการบินและขนส่งรวมกัน อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดก๊าซเรือนกระจก

การผลิตผ้าฝ้ายในวิถีของกลุ่มผ้าฝ้ายเชิงดอยมีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปล่อยมลพิษน้อยที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยลดปัญหาจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และในอนาคตทางกลุ่มวิสาหกิจต้องการขยายกลยุทธ์ธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งต้นปลาย – กลางน้ำ – ปลายน้ำ ผ่านการส่งเสริมการปลูกฝ้ายให้มากขึ้น เพื่อให้กลายเป็นชุมชนผ้าฝ้ายออร์แกนิกที่สมบูรณ์

แผนภาพแสดงแผนธุรกิจภายในชุมชน โดย ณิชาพร ฉ่ำวารี

 

“เราเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากชุมชน เราอยากให้คนเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำมากขึ้น ส่วนในอนาคตเราจะส่งเสริมการปลูกฝ้ายให้มากขึ้น ให้เป็นฝ้ายจากเชิงดอย ในอนาคตเราจะกลายเป็นฝ้ายเชิงดอยที่พูดได้เต็มปากว่าออร์แกนิก”

 

นอกจากนี้ได้มีหนึ่งในกลุ่มวิสาหกิจผ้าฝ้ายเชิงดอยกล่าวว่าต้องการให้กระทรวงวัฒนธรรมเล็งเห็นถึงความสำคัญของสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ ซึ่งนั่นก็คือการอนุรักษ์ภูมิปัญญาดั้งเดิม และส่งเสริมให้ผ้าฝ้ายเชิงดอยได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ว่าใครก็ต่างเห็นคุณค่า ไม่ให้หายไปตามกาลเวลา

 

ปัจจุบันแม้จะมีวิธีการผลิตเสื้อผ้าที่รวดเร็ว และต้นทุนต่ำ แต่กลุ่มผ้าฝ้ายเชิงดอยยังจะคงรักษาวิถีชีวิตของชุมชนต่อไป ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้เป็นไปตาม Green Product และ BCG Models

 

แหล่งข้อมูล

  • คุณตา อินตา นันต๊ะแล ปราชญ์ชาวบ้าน (การสื่อสารส่วนบุคคล, 21 กุมภาพันธ์2567)
  • นางสาวทัญกานร์ ยานะโส ผู้เริ่มและประธานโครงการวิสาหกิจผ้าฝ้ายเชิงดอย (การสื่อสารส่วนบุคคล, 21 กุมภาพันธ์
    2567)
  • วารสารการพิมพ์ไทย ฉบับที่ 139. (20 ธันวาคม 2065), “Green Product” ผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ แก้ไขวิกฤตขยะล้นประเทศ. สมาคมการพิมพ์ไทย. https://www.thaiprint.org/2022/12/vol139/industrial139-02/
  • Pat. (1ธันวาคม 2564), ‘แฟช่นัหมนุเวียน’ ทางออกวกิฤต Fast fashion. Workpoint Today.
    https://workpointtoday.com/%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%9
    9%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8
    %A2%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD/
  • Techsause Team, (21 กรกฎาคม 2565), Fast Fashion ตัวร้าย มาไวไปไวแต่ทิ้งร่องรอย ผลเสียต่อโลกเพียบ.
    Techsauce Knowledge Sharing Platform. https://techsauce.co/sustainable-focus/fast-fashion-and-sustainable-choice

 

เผยแพร่ครั้งแรก : Angkaew for Equality ปี 2021

บทความนี้เป็นผลงานของนักศึกษากลุ่มวิชาวารสารศาสตร์บูรณาการ คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เขียนโดย : โญสิตา จงใจ

ภาพ : นัทธมน กุลชานันทน์, ภูมิพัฒน์ ใจมาสิทธิ์, ณิชาพร ฉ่ำวารี

พิสูจน์อักษร : ณิชาพร ฉ่ำวารี

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
‘หม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะ’ นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยเซฟพลังงานอย่างยั่งยืน
  • Go Green
‘หม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะ’ นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยเซฟพลังงานอย่างยั่งยืน

หม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะเป็นผลงานการวิจัยของสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. ที่คิดค้นหม้อแปลงที่สามารถคำนวณความต้องการใช้พลังงานของอาคาร และส่งข้อมูลไปยังแหล่งจ่ายไฟฟ้าเพื่อกำหนดปริมาณกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการ

รถสองแถวไฟฟ้า ผลงานสุดเจ๋งนักวิจัย มช. ช่วยลด PM2.5 และเซฟค่าใช้จ่ายได้จริง !
  • Go Green
รถสองแถวไฟฟ้า ผลงานสุดเจ๋งนักวิจัย มช. ช่วยลด PM2.5 และเซฟค่าใช้จ่ายได้จริง !

โมเดลรถสองแถวไฟฟ้า (EV) ที่เริ่มวิ่งให้บริการ 2 คันในเชียงใหม่ หวังต่อยอดไปสู่รถขนส่งและโดยสารอื่น ๆ ได้ในอนาคต

Green Product รู้เท่าทันผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากรองรับความยั่งยืน
  • Go Green
Green Product รู้เท่าทันผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากรองรับความยั่งยืน

ทุกการตัดสินใจซื้อของคุณมีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลก! ชวนศึกษาฉลากรับรองความยั่งยืน และวิธีเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทำความเข้าใจกับ Greenwashing หรือการลวงให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความยั่งยืนของสินค้า

เว็บไซต์ใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน  รายละเอียด
logo
  • บทความ
  • วิดีโอ
  • Podcast
  • ติดต่อเรา
Copyright © 2023 CMU. All Rights Reserved. Powered by I GEAR GEEK