ประเพณีนี้จะมีชาวพุทธนับพันที่ไปรวมตัวกันใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมืองเชียงใหม่ โดยจะมีการนำข้าวตอกธูปเทียน น้ำขมิ้นส้มป่อยไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสาหลักเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีพระเจ้าอู่เมืองประดิษฐานอยู่บนมณฑปเสาอิทนขิล รวมทั้งนำดอกไม้ธูปเทียนไปสักการะพญานาคราชที่ดูแลปกปักรักษาเสาหลักเมืองอยู่
ที่สำคัญคือการได้ขอพระเจ้าฝนแสนห่า ที่อัญเชิญจากวัดช่างแต้มมาประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหารเป็นอันชั่วคราว ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อกันว่า พระเจ้าฝนแสนห่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์ในการบันดาลฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งหรือภัยแล้ง ชาวบ้านมักจะไปขอฝน พร้อมทำพิธีสวดขอฝนและแห่น้ำมนต์เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
อย่างไรก็ตาม สำหรับเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมืองเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุมากกว่า 700 ปี โดยเชื่อกันว่า พระอินทร์ประทานมาให้ชาวลัวะหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ก่อนการก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ เพื่อใช้ฝังไว้กลางเมือง ด้วยความเชื่อว่าจะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคง ร่มเย็น ป้องกันภัยพิบัติ และความชั่วร้าย
ในเวลาต่อมาเมื่อถึงสมัยของพระเจ้ามังรายมหาราช ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 1839 ได้อัญเชิญเสาอินทขิลมาประดิษฐานไว้ที่วัดสะดือเมือง (ปัจจุบันคือวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร) ทำให้กลายเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวเชียงใหม่มาจนปัจจุบัน
สำหรับประเพณีใส่ขันดอกอินทขิล 2568 ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม ไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. และจะมีพิธีทำบุญออกอินทขิลในวันศุกรฺที่ 30 พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม พิธีใส่ขันดอกอินทขิลนั้นจะจัดขึ้นทุกปีในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม โดยชาวพุทธจะนำขันดอก (หรือภาชนะที่บรรจุดอกไม้ ธูป เทียน และเครื่องสักการะอื่น ๆ เพื่อถวายแด่เสาอินทขิล) ไปสักการะเพื่อขอพรให้บ้านเมืองสงบสุข ชีวิตร่มเย็น พ้นจากเคราะห์กรรมต่างๆ โดยมีขบวนแห่ พิธีสงฆ์ การแสดงพื้นเมือง และกิจกรรมทางวัฒนธรรมอีกมากมาย
“สิ่งที่เราไม่อยากให้หายไปจากอมก๋อยก็คือธรรมชาติและวัฒนธรรมของเรา เราควรรักษาสืบต่อให้ลูกหลานต่อไป” ดวงแก้ว – พรชิตา ฟ้าประทานไพร เยาวชนหมู่บ้านกะเบอะดิน กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เชียงใหม่ เมืองแห่งความหลากหลายของดนตรี ศิลปินหลาย ๆ ท่านต่างเกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ไม่เพียงเท่านั้นเชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่ศิลปินจากต่างแดนปรารถนาที่จะมาปักหลักอยู่
นับถอยหลังสู่กิจกรรมรับน้องรถไฟ ต้อนรับลูกช้างเชือกใหม่ วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 กิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และได้ดำเนินมายาวนาน 60 ปี